Follow us

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 และดั๊บเบิ้ล เอ จัดกิจกรรมส่งเสริมเยาวชนรักษ์ภาษาไทย

ปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสารได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ผู้คนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม จากการพบปะพูดคุยกัน มาเป็นการสื่อสารข้อความตัวอักษรผ่านอุปกรณ์สื่อสารในโลกออนไลน์ ส่งผลให้การใช้ภาษาไทยผิดเพี้ยน โดยเฉพาะการอ่านและเขียน ที่ใช้ตัวสะกดและคำศัพท์ที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ภาษาไทย อันเป็นเอกลักษณ์ล้ำค่าที่บ่งบอกความเป็นไทย จะถูกกลืนไปตามเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่


ด้วยเหตุนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ จึงร่วมสนับสนุนการจัดงานวันภาษาไทยแห่งชาติ ของศาลอุทธรณ์ภาค 3 โดยมีกิจกรรมการแข่งขันเขียนภาษาไทยทั่วไปและภาษากฎหมาย พร้อมทั้งการจัดเสวนาในหัวข้อ "ภาษาไทย ภาษากฎหมาย ภาษาของเรา" เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนไทยร่วมกันอนุรักษ์ภาษาไทยและใช้ภาษาอย่างถูกต้องตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ ณ อาคารสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม กรุงเทพมหานคร

คุณสมพงษ์ คุณกรรณิกา และคุณกนก ร่วมเสวนา หัวข้อ "ภาษาไทย ภาษากฎหมาย ภาษาของเรา"

สำหรับงานในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 จัดขึ้น ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี มีนักเรียนเข้าร่วมงานกว่า 200 คน จากทั้งหมด 10 โรงเรียน โดยช่วงแรกเป็นการเสวนาในหัวข้อ "ภาษาไทย ภาษากฎหมาย ภาษาของเรา" ที่ได้รับเกียรติจากคุณสมพงษ์ เหมวิมล ประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นผู้ดำเนินการเสวนา และคุณกรรณิกา ธรรมเกษร อดีตผู้ประกาศข่าวและผู้ผลิตรายการเวทีวาที พร้อมด้วยคุณกนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์และผู้บริหารในเครือเดอะเนชั่น ให้เกียรติร่วมเสวนาในครั้งนี้ ซึ่งมีข้อคิดดีๆในมุมมองนักสื่อสารมวลชนเกี่ยวกับภาษาไทยในยุคนี้ที่น่าสนใจเลยทีเดียว

คุณชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ดั๊บเบิ้ล เอ ถ่ายภาพร่วมกับคุณบูรณ์ ฐาปนดุลย์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค ๓ คุณกรรณิกา ธรรมเกษร อดีตพิธีกร และน้องๆ นักเรียน

"ภาษาไทยนั้นเป็นภาษาของความรู้สึก ส่วนใหญ่เรามักจะใช้ภาษาไทยไปอย่างไม่มีสติ เช่น เจอหน้าเพื่อน ก็ทักไปว่า มาแล้วเหรอ ทั้งที่เห็นเขาเดินมา การใช้ภาษาลักษณะนี้ถือว่าใช้อย่างฟุ่มเฟือย ไม่มีเหตุจำเป็นต้องใช้ ถ้าถามว่า ไปไหนมา หรือ ทานข้าวแล้วหรือยัง จะดูถูกต้องกว่า" คุณกรรณิกา อดีตพิธีกรชื่อดัง ผู้ซึ่งคร่ำหวอดในวงการโทรทัศน์ไทยมานาน และเป็นผู้ประกาศข่าวหญิงคนแรกที่ได้รับรางวัลเมขลา เกริ่นนำการเสวนา และเพิ่มเติมว่า ที่ตนเองพูดจาเพราะ และออกเสียงได้ชัดถ้อยชัดคำ เพราะผู้ใหญ่สมัยนั้นพูดจากันไพเราะมาก เด็กจึงหัดจำและเลียนแบบกันมา นอกจากนี้คุณกรรณิกายังแนะนำให้ฝึกฝนการใช้ภาษาไทย ด้วยการ "จำแต่สิ่งดีๆ แล้วนำมาใช้" ซึ่งสามารถใช้ได้กับทุกเรื่อง ไม่เพียงเฉพาะการฝึกภาษาไทยเท่านั้น

บรรยากาศงานเสวนา

คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล ก็ได้เสริมเรื่องการใช้ภาษาไทยเพิ่มเติมว่า "เด็กในปัจจุบันต่างพูดไม่จบคำ ไม่จบประโยค ออกเสียงไม่ถูกอักขรวิธีเหมือนคนสมัยก่อน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เด็กใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับตัวเองและหน้าจอคอมพิวเตอร์ มีปฏิสัมพันธ์กับรอบข้างน้อยลง ทำให้เด็กขาดความมั่นใจตนเอง ไม่กล้าสบตาผู้อื่นเวลาพูด และไม่สามารถเรียบเรียงเรื่องราวต่างๆ ถ่ายทอดออกมาให้ผู้ฟังได้" ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นโดยตรงกับหลานของคุณกนกเองที่อยู่ชั้นมัธยมศึกษา และเมื่อเกิดปัญหานี้ขึ้น คุณกนกก็พยายามพัฒนาหลานตนเอง ด้วยการฝึกให้หลานเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในโรงเรียนให้ฟังทุกวัน เพื่อให้มีความมั่นใจและกล้าพูดกล้าแสดงออกมากขึ้น นอกจากนี้ด้วยวิธีการเรียนของเด็กในปัจจุบันก็มีส่วนให้ทักษะการใช้ภาษาไทยแย่ลง ไม่มีการฝึกท่องอาขยาน หรือฝึกเขียนไทย เหมือนเด็กสมัยก่อนอีกด้วย


สถานการณ์ที่คุณกนกกล่าวมา เป็นปัญหาสำคัญของเด็กไทยสมัยนี้ และมีแนวโน้มแย่ลงเรื่อยๆ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 และดั๊บเบิ้ล เอ ได้ร่วมจัดงานเสวนา "ภาษาไทย ภาษากฎหมาย ภาษาของเรา" ขึ้น ด้วยหวังว่า น้องๆ นักเรียนซึ่งต่อไปจะเป็นอนาคตของชาติ ได้เป็นตัวแทนในการช่วยกันอนุรักษ์ภาษาไทยที่ถูกต้องต่อไป

บรรยากาศการแข่งขัน

ในขณะที่นักเรียนส่วนหนึ่งกำลังรับฟังการเสวนา อีกห้องหนึ่งก็มีกิจกรรมแข่งขันเขียนภาษาไทยทั่วไปและภาษากฎหมาย ซึ่งก็ได้เปิดรับสมัครนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เข้าร่วมแข่งขัน มีผู้ผ่านคัดเลือกเข้าสู่รอบตัดสินทั้งสิ้น 20 คน โดยทุกคนต่างก็เตรียมตัวกันเต็มที่ เพื่อประลองแข่งขันเขียนภาษาไทยให้ถูกต้อง ซึ่งจะกำหนดให้เขียนประเภทละ 15 คำ รวมทั้งหมด 30 คำ โดยคำศัพท์ที่นำมาแข่งขันในคราวนี้ นอกจากเป็นคำภาษาไทยที่ใช้กันทั่วไปแล้ว ยังนำภาษากฏหมายที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเห็นหรือใช้มาก่อน ถือได้ว่าเป็นการวัดความรู้ความสามารถของแต่ละคนกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะภาษากฏหมายที่ไม่ได้อยู่ในตำราเรียนของเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา

น้องสุธัญญา ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน และน้องศรีนรัตน์ ได้รับรางวัลชมเชย

โดยผู้ชนะการแข่งขันอันดับที่ 1 ในครั้งนี้ คือ นางสาวสุธัญญา สนธยาสาระ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนหอวัง ซึ่งสมัครเข้ามาร่วมแข่งขัน เพราะสนใจด้านกฏหมาย และอยากเป็นผู้พิพากษา "หนูชอบกฏหมายมากเลยค่ะ พออาจารย์บอกว่า เปิดแข่งขันอยู่ ก็ไม่ลังเลรีบสมัครเข้ามาเลย โดยหนูเตรียมตัวด้วยการอ่านหนังสือประมวลกฏหมายค่ะ ประมาน 1 สัปดาห์ การแข่งขันครั้งนี้คำศัพท์ยากมากเลย ยกตัวอย่างเช่นคำว่า ฉัททันต์ ที่แปลว่า ช้าง เป็นคำที่หนูไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ"

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ดั๊บเบิ้ล เอ มอบกระดาษและอุปกรณ์เครื่องเขียนแก่ นายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค ๓

และผู้ที่อยู่เบื้องหลังชัยชนะของน้องสุธัญญาคือ อาจารย์อรินยา สถิรชาติ หัวหน้ากลุ่มสาระภาษาไทย โรงเรียนหอวัง ซึ่งอาจารย์ได้บอกว่า "ชัยชนะครั้งนี้เหนือความคาดหมายมาก เพราะเวลากระชั้นชิด ไม่ทันได้เตรียมตัว แต่ก็ให้ลูกศิษย์พยายามทำให้ดีที่สุด" และเมื่อถามถึงความเห็นของอาจารย์ต่อการใช้ภาษาในอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน อาจารย์ได้ให้ความเห็นไว้ว่า "โดยส่วนตัวครูไม่ว่าถ้านักเรียนจะใช้คำศัพท์แปลกๆในอินเทอร์เน็ต แต่ควรพิจารณาด้วยว่า คำเหล่านั้นสามารถนำมาใช้กับบุคคลทั่วไปได้หรือไม่ ควรใช้ภาษาแบบใดจึงจะถูกกาลเทศะ และควรคำนึงถึงสังคม สถาบัน ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของตนเองด้วย"

อย่างไรก็ตามน้องๆ ผู้ที่พลาดจากการแข่งขันนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ เพราะการมาแข่งขันเขียนไทยคราวนี้ เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้น้องๆ รู้ว่า การเข้ามาทำงานในโลกของศาลยุติธรรมนั้น น้องๆ จะต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง และรู้คำศัพท์เพิ่มเติมที่จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาต่อในอนาคต ดังเช่นความเห็นของน้องศรีนรัตน์ พงษ์ประภาชื่น นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง ที่ได้รับรางวัลชมเชยในครั้งนี้ "หนูต้องขอขอบคุณศาลอุทธรณ์ภาค 3 และผู้ใหญ่ทุกท่านมากค่ะ ที่ให้โอกาสหนูมาร่วมงานนี้ และได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อเตรียมสอบเป็นผู้พิพากษาอย่างที่หนูใฝ่ฝันไว้ค่ะ ก่อนหน้านี้หนูก็เคยมาแข่งอ่านกฏหมายที่นี่ และถ้าทางศาลจัดงานอะไรในอนาคต หนูก็จะมาอีกค่ะ"

นายวัฒนา วิทยกุล รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค ๓ และผู้ได้รับรางวัลการแข่งขันเขียนไทย

งานแข่งขันเขียนไทยในวันนั้นจบลงด้วยดี และน้องๆ นักเรียนทุกคนก็ได้ให้คำปฏิญาณว่า ทุกคนจะช่วยกันอนุรักษ์ภาษาไทย ซึ่งเป็นมรดกอันล้ำค่าที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้อย่างสุดความสามารถ ตามคำกล่าวของคุณกรรณิกาที่ว่า "โปรดจงอย่าลืมรากเหง้าของความเป็นไทย โดยเฉพาะภาษาไทยที่บรรพบุรุษสร้างไว้ให้เรา และยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน"

ข่าวประชาสัมพันธ์

Double A ร่วมสนับสนุนงาน World Expo 2020 Dubai ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลสู่สายตาทั่วโลก

ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมกิจกรรม “Thailand Pavilion Launch & Networking Reception” ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) งาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 มหกรรมงานระดับโลก ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 -31 มีนาคม 2565 ณ เมืองดูไบ เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่น ส่งเสริม และสร้างโอกาสใหม่สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทยผ่านการลงทุน การค้า สู่สายตาประชาคมโลก โดยมี นายวราวุธ ภู่อภิญญา (คนกลาง) เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรม ณ โรงแรมดุสิตธานี ดูไบ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัว “กระดาษคราฟท์” พร้อมจำหน่าย รองรับตลาดอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “กระดาษคราฟท์” เพื่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ กำลังการผลิต 250,000 ตันต่อปี พร้อมทำการตลาดและจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้ 3,000 ล้านบาทต่อปี นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดเผยว่า ความต้องการกระดาษคราฟท์ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกมีประมาณ 164 ล้านตันต่อปี และยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเฉลี่ยประมาณปีละ 2.5 % โดยตลาดในแถบเอเชียแปซิฟิค ถือเป็นตลาดที่มีความต้องการบริโภคกระดาษคราฟท์มากที่สุดในโลก หรือเกือบครึ่งหนึ่งของโลก และเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิคที่ไม่รวมประเทศจีน ก็มีความต้องการมากถึง 30 ล้านตันต่อปี และมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ 4 % ต่อปี ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดกระดาษคราฟท์มาตั้งแต่ปี 2562 โดยมีการลงทุนสร้างโรงเยื่อ RECYCLE PULP (RCP) แห่งใหม่ขึ้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ด้วยงบลงทุน 1,000 ล้านบาท มีการเดินเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว และได้ปรับกระบวนการผลิตของโรงกระดาษที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงโรงกระดาษ 1 ที่จังหวัดปราจีนบุรี มาผลิตกระดาษคราฟท์ กำลังการผลิตอยู่ที่ 250,000 ตันต่อปี และมีผลิตภัณฑ์แรกที่พร้อมจำหน่ายแล้ว คือ กระดาษคราฟท์เพื่อทำลอนกล่องลูกฟูก CORRUGATED MEDIUM (CM) สำหรับการทำตลาดกระดาษคราฟท์นั้น ดั๊บเบิ้ล เอ วางแผนทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มจากประเทศในแถบเอเชียก่อน โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการที่ดั๊บเบิ้ล เอ มีเครือข่ายการตลาดทั่วโลก นอกจากนี้ กำลังการผลิตส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานกล่องกระดาษของดั๊บเบิ้ล เอ ด้วย เพื่อทดแทนการใช้วัตถุดิบจากภายนอก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับดั๊บเบิ้ล เอ ได้ไม่น้อยกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท และช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของดั๊บเบิ้ล เอ มากขึ้น เนื่องจากตลาดกระดาษเพื่อบรรจุภัณฑ์ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น ปัจจุบัน ดั๊บเบิ้ล เอ มีผลิตภัณฑ์หลัก คือ เยื่อกระดาษใยสั้น กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษสำนักงาน และผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มกระดาษ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มทั่วไป ได้แก่ ปากกา ปากกาเน้นข้อความ ปากกาลบคำผิด เครื่องเย็บกระดาษ กระเป๋าผ้า ซึ่งมีการจำหน่ายในทุกช่องทาง รวมทั้งช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ delivery.doubleapaper.com ซึ่งบริการเดลิเวอรี่ส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานในยุค New Normal สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียดของผลิตภัณฑ์กระดาษคราฟท์ สามารถสอบถามและสั่งซื้อได้ที่โทร.085 835 3794 (สำหรับลูกค้าในประเทศ) และโทร.085 835 4098 (สำหรับลูกค้าต่างประเทศ)

ดั๊บเบิ้ล เอ สร้างปรากฏการณ์สุดเจ๋งใน MV วง OK GO ตอกย้ำกระดาษคุณภาพที่ผู้ใช้ทั่วโลกไว้วางใจ

ปรากฏการณ์ใหม่ระดับโลกเมื่อดั๊บเบิ้ล เอจับมือกับศิลปินวง OK GO วงดนตรีสุดครีเอท แนวอัลเทอร์เนทีฟร็อก จากสหรัฐอเมริกา ที่มีผลงานเพลงและมิวสิค วิดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางสร้างเซอร์ไพร์สให้กับแฟนเพลงทั่วโลกอีกครั้ง ในมิวสิควิดีโอเพลง Obsession ด้วยเทคนิค Paper Mapping เป็นครั้งแรกของโลก โชว์คุณภาพดั๊บเบิ้ล เอ ที่ส่งออกไปแล้วกว่า 130 ประเทศ โดยศิลปิน OK GO ได้สัมผัสถึงความเรียบลื่นและคุณสมบัติเด่นของกระดาษดั๊บเบิ้ล เอที่ สามารถพรินต์ออกมาโดยไร้อุปสรรคใดๆ จนเกิดแรงบันดาลใจ“OBSESSION for Smoothness” ในการนำมาสร้างสรรค์ฉากอลังการที่น่าตื่นตาตื่นใจในมิวสิควิดีโอชุดนี้ ซึ่งดั๊บเบิ้ล เอ เห็นถึงความเป็นสากลของดนตรีและความคิดสร้างสรรค์ของวง OK GO ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ๆ สื่อสารภาพลักษณ์ ที่เฟรชขึ้น สนุกขึ้น แต่ยังคงหนักแน่นในเรื่องคุณภาพสินค้าที่ทุกคนไว้วางใจ

ดั๊บเบิ้ล เอ ส่งความห่วงใย มอบหน้ากากอนามัยฯ สู่ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา

ดั๊บเบิ้ล เอ ห่วงใยสุขอนามัยของทหารชายแดนไทย-กัมพูชา มอบหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ Double A Care รุ่น 3D V-SHAPE Smart FIT สีดำ จำนวน 20,000 ชิ้น ให้แก่ มณฑลทหารบกที่ 25 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน ต.นอกเมือง อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ โดยหน้ากากอนามัยฯ นี้สามารถกรองเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ 99.9% ใส่สบาย หายใจสะดวก เพื่อสุขอนามัยที่ดี พร้อมส่งกำลังใจให้ทหาร และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของประเทศชาติและประชาชนคนไทยทุกคน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาดั๊บเบิ้ล เอ ยังได้มอบผลิตภัณฑ์ Double A Care ที่มีความต้องการ อาทิ เพียว & พรีเมียม ทิชชู, ทิชชูเปียก Pure Water และ หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ให้แก่ศูนย์อพยพต่างๆ รวมถึงมอบอุปกรณ์เครื่องเขียน ให้แก่ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อเด็กที่ได้รับผลกระทบ ใน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นพลังบวกให้คนไทยก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน

ดั๊บเบิ้ล เอ ส่งต่อพลังบวก “Double A Fit for Kids ครั้งที่ 3” มอบอุปกรณ์การเรียน 3,000 ชุด ให้เด็กๆที่ขาดแคลน

    นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นผู้แทนมอบชุดอุปกรณ์การเรียน จำนวน 3,000 ชุด ภายใต้โครงการ “Double A Fit for Kids ครั้งที่ 3” ผ่านมูลนิธิซี.ซี.เอฟ.เพื่อเด็กและเยาวชนฯ โดยมี ดร.สุรีวัลย์ ลิ้มพิพัฒนกุลที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงาน มูลนิธิซี.ซี.เอฟ.เพื่อเด็กและเยาวชนฯ ให้เกียรติเป็นผู้แทนรับมอบ เพื่อนำไปจัดสรรและกระจายยังโรงเรียนต่างๆที่ขาดแคลน สำหรับโครงการ “Double A Fit for Kids ครั้งที่ 3” จัดขึ้น โดยมุ่งหวังสร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนหันมาใส่ใจสุขภาพพร้อมสร้างสรรค์สังคมที่ดี ด้วยการจัดกิจกรรมเดิน–วิ่งสะสมจำนวนก้าวร่วมกันแบบ Virtual พิชิตภารกิจเป้าหมาย “9 วัน 9 ล้านก้าว” เพื่อร่วมส่งมอบชุดอุปกรณ์เครื่องเขียน อาทิ สมุดนักเรียน สมุดรายงาน ปากกา เป็นต้น พร้อมกระเป๋าสะพาย ให้กับน้องๆ ได้เข้าถึงอุปกรณ์การเรียนที่เพียงพอและมีคุณภาพ กิจกรรมนี้ ไม่เพียงส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมพลังน้ำใจจากผู้ร่วมกิจกรรม ที่มีเป้าหมายสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชน ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป

ดั๊บเบิ้ล เอ มอบขวดพลาสติกอัพไซเคิล โครงการ “แยกเพื่อให้...พี่ไม้กวาด” ของสำนักสิ่งแวดล้อม กทม.

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นตัวแทนมอบขวดน้ำพลาสติกใส จำนวน 27 กิโลกรัม จากกิจกรรมที่ดั๊บเบิ้ล เอ รณรงค์ให้พนักงานตระหนักถึงความสำคัญของการแยกขยะ ซึ่งสามารถนำมาอัพไซเคิล (upcycle) ให้เกิดประโยชน์ ผ่านโครงการมือวิเศษ กรุงเทพ “แยกเพื่อให้...พี่ไม้กวาด” เพื่อนำไปผลิตเป็นเสื้อกั๊กสะท้อนแสง สำหรับบุคลากรผู้ปฏิบัติงานด้านการรักษาความสะอาดของกรุงเทพฯ เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน โดยมี นางสาวลลิดา กังวาลชิรธาดา ผู้อำนวยการส่วนบริการจัดการมูลฝอย สำนักงานยุทธศาสตร์จัดการมูลฝอย สำนักสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับมอบ ณ จุดรับขยะแยกประเภท (Drop off Point) ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกแล้ว ยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุเหลือใช้ ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของดั๊บเบิ้ล เอ ในการส่งเสริมแนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) รวมถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ยั่งยืน

ดั๊บเบิ้ล เอ ต้อนรับ กทพ. โชว์ศักยภาพการผลิตมาตรฐานคุณภาพ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืน

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับคณะทำงาน ผู้ตรวจประเมิน และเจ้าหน้าที่ระบบบริหารงานคุณภาพด้านบริการ ISO 9001: 2015 จากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) นำโดย คุณศิริมา ชวนอยู่ รองผู้ว่าการ(บริหาร)กทพ.พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมชมโรงงานดั๊บเบิ้ล เอ จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อเข้าใจถึงกระบวนการผลิตเยื่อและกระดาษครบวงจรภายใต้ระบบบริหารคุณภาพมาตรฐานสากล ISO 9001:2015 และมาตรฐาน ISO 14001 ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ทำให้แบรนด์ดั๊บเบิ้ล เอ ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศ และส่งออกไปกว่า 130 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ คณะผู้เยี่ยมชมยังได้เรียนรู้โมเดลการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าในระบบหมุนเวียน (Circular Economy) และแนวทางการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG (Environment, Social, Governance) ที่ดั๊บเบิ้ล เอ ยึดถือมาโดยตลอด เพื่อสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมของชุมชน และธรรมาภิบาลที่โปร่งใส การเยี่ยมชมในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่ดั๊บเบิ้ล เอ ได้แสดงถึงศักยภาพ ความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง และการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพให้กับผู้บริโภคและสังคม

ดั๊บเบิ้ล เอ ส่งใจ ส่งความห่วงใย สนับสนุนหน่วยแพทย์พระราชทาน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ มอบหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ Double A Care เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขของหน่วยแพทย์พระราชทาน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์เครื่องเขียนดั๊บเบิ้ล เอ อาทิ สมุด ดินสอ ปากกา เป็นต้น ให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ที่ยังขาดแคลน โดยมี นางวาสนา เทียมสุวรรณ ที่ปรึกษาโครงการตามพระดำริและงานส่วนพระองค์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ให้เกียรติเป็นผู้แทนรับมอบ ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ เล็งเห็นความสำคัญด้านสุขภาพอนามัยของคนไทยและการศึกษาของเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ “Double A ส่งใจ มอบความห่วงใย ทั่วไทย” ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 โดยมอบหน้ากากอนามัยฯ Double A Care แก่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย กลุ่มเปราะบาง และผู้ที่ขาดแคลน รวมถึงการมอบอุปกรณ์เครื่องเขียนเพื่อส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชน และในปี 2568 นี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ยังคงเดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์ในการส่งต่อความห่วงใยและพลังบวกสู่สังคมไทย ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน

ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมใจบริจาคโลหิต ครั้งที่ 113

    ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมกับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดปราจีนบุรี จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตครั้งที่ 113 ณ สำนักงานใหญ่ Double A จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ ร่วมบริจาคโลหิตเป็นปริมาณรวมกว่า 52,000 ซีซี พร้อมยังมีผู้แสดงความจำนงบริจาคดวงตา อวัยวะ และร่างกายเพื่อการกุศลอีกด้วย ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และนางสาวจุฑามาศ บัวเผื่อนนายอำเภอศรีมหาโพธิ ร่วมมอบของที่ระลึกและให้กำลังใจกับผู้บริจาคโลหิต นอกจากนี้ ในส่วนของสำนักงาน Double A สาขาฉะเชิงเทรา ยังได้ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี จัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิตจากพนักงานและประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งได้รับจำนวนโลหิตรวมกว่า 23,500 ซีซี     ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องทุก 3 เดือน โดยตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 จนถึงปัจจุบัน มียอดรวมโลหิตแล้วทั้งสิ้น 159,000 ซีซี เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย และเป็นการสำรองโลหิตให้กับสภากาชาดให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วยในสถานพยาบาลต่างๆ นับเป็นส่วนหนึ่งของการทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน สร้างสังคมที่ดีอย่างยั่งยืน