Follow us

โครงการล้านความรู้ในตู้หนังสือมอบตู้หนังสือให้เด็กทั่วประเทศ

12 เยาวชนสุดเจ๋ง คว้าโล่พระราชทานสมเด็จพระเทพฯ รัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี โครงการล้านความรู้ ในตู้หนังสือ ส่งต่อปัญญาส่งต่อความรู้ มอบตู้หนังสือให้เพื่อนๆ 108 โรงเรียนทั่วประเทศ กระตุ้นเด็กไทยรักการอ่าน - สร้างแหล่งกำเนิดขุมปัญญา การอ่านคือบ่อเกิดแห่งปัญญา โครงการประกวดเรียงความ “ล้านความรู้ในตู้หนังสือ” นับเป็นอีกโครงการดีดี สร้างสังคมรักการอ่านให้แก่เด็กไทย เพื่อค้นหาฮีโร่เยาวชนคนเก่งประจำชุมชนที่สามารถ วาดลวดลาย ละเลงน้ำหมึก เล่าถึงประสบการณ์ จากการอ่านหนังสือของน้องๆเยาวชน ใน 4 หัวข้อ คือ 1.ล้านความรู้ใน ตู้หนังสือ 2.บ้านรักษ์พลังงานสิ่งแวดล้อม 3.ครอบครัวสุขสันต์กับการประกันภัย และ4.เยาวชนไทยร่วมคิดร่วมใช้ พลังงาน มาถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือได้อย่างยอดเยี่ยมสมกับเยาวชนคนคุณภาพ

 

ผลงานที่ส่งเข้าประกวดสร้างความหนักใจให้กับคณะกรรมการไม่น้อย น้องๆ เยาวชนส่งงานมาแบบอุ่นหนา ฝาคลั่ง ต่างส่งผลงานเข้าชิงชัยความเป็นสุดยอดมากถึง 2,186 เรื่อง จาก 235 โรงเรียนทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็น ผลสำเร็จของโครงการแบบเป็นรูปธรรมว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นให้เยาวชนไทยเริ่มหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับ การอ่านและเขียนหนังสืออย่างจริงจังเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจขององค์กรพันธมิตรร่วมจัดทั้ง 8 องค์กร อย่างน้อยได้เห็นอนาคตของประเทศที่เด็กไทยเราใส่ใจการอ่าน นับเป็นความตั้งใจของ 8 องค์กรร่วม ประกอบด้วย สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน กลุ่มมหพันธ์ผลิตภัณฑ์เฌอร่าและห้าห่วง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัทประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) บริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน) มูลนิธิดร .เทียม โชควัฒนา และบริษัท อินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมอลล์ จำกัด และดั๊บเบิ้ล เอ และหลังจากที่น้องๆกว่า 2,000 คน รอคอย มากว่า 3 เดือน และแล้วช่วงเวลาแห่งการรอคอยลุ้นระทึกก็มาถึง เมื่อกรรมการ ประกาศรายชื่อบรรดาฮีโร่ ซึ่งได้รับ รางวัลในระดับชั้นต่างๆ เริ่มจากระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 6 คน ได้แก่ 1.ด.ช.กรกช ไม้เกตุ จากโรงเรียน สารสาสน์ประชาอุทิศพิทยาคาร กรุงเทพ 2.ด.ญ.กนกพร จะจู จากโรงเรียนวัฒโนพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ 3.ด.ญ.จำเริญลักษณ์ ทองล้วน จากโรงเรียนพรหมานุสรณ์ จังหวัดเพชรบุรี 4.ด.ญ.ชนัดดา เปล่งผิว จากโรงเรียน บ้านวังทะลุ จังหวัดปราจีนบุรี 5.ด.ช.ธนาวุฒิ เมยท่าแค จากโรงเรียนบึงบูรพ์ จังหวัดศรีสะเกษ และ 6.ด.ญ.ชฎาธาร รักษ์แก้ว จากโรงเรียนคลองพนสฤษดิ์พิทยา จังหวัดกระบี่

 

ส่วนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 6 คนได้ แก่ 1.นางสาววราภรณ์ สว่างสาย จากโรงเรียนมัธยมวัดหัตสาร- เกษตร จังหวัดปทุมธานี 2.นางสาวอัจฉรา อยู่สินธุ์ จากโรงเรียนลำปางกัลยาณี จังหวัดลำปาง 3.นางสาวขวัญชนก ทองล้วน จากโรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ จังหวัดเพชรบุรี 4.นางสาวธัญลักษณ์ เอกจิตร จากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี 5. นางสาวอภิญญาภรณ์ อุ่นครบุรี จากโรงเรียนบ้านใหญ่พิทยาคม จังหวัดนครราชสีมา และ 6.นางสาววิภารัตน์ รำภา จากโรงเรียนสิเกาประชาผดุงวิทย์ จังหวัดตรัง ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และนำความ ภาคภูมิใจมาสู่วงศ์ตระกูลของน้องๆเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง เพราะเยาวชนคนเก่งทั้ง 12 คนจะได้รับรางวัลเป็นโล่ พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ยังมอบตู้พร้อมหนังสือ 108 ตู้ คลัง ความรู้แห่งใหม่ให้กับโรงเรียนของเยาวชนคนเก่งผู้ชนะในแต่ละภูมิภาค เพื่อนำไปแบ่งปันให้กับบรรดาหนอน หนังสือตัวน้อยๆได้อ่านกับแบบเพลินเจริญสมองอีกด้วย

 

หลังจากร่ายถึงโครงการมาซะยาว คราวนี้มาฟังเจ้าของโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เล่าถึงความรู้สึกกันบ้างว่าแต่ละคนรู้สึกอย่างไร เริ่มจาก น้องชฎาธาร รักษ์แก้ว เยาวชนคนเก่ง ชั้น ม.1/1 จากโรงเรียนคลองพนสฤษดิ์พิทยา จังหวัดกระบี่ น้องเล่าถึงความรู้สึกว่า “รู้สึกภูมิใจกับตัวเองเป็นอย่างมาก ที่ได้รับรางวัลเป็นโล่จากสมเด็จพระเทพฯ ซึ่งก่อนหน้านี้หลังจากรู้ผลการตัดสินเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมาทั้งคุณพ่อ คุณแม่ อาจารย์ และเพื่อนๆที่โรงเรียน ก็ดีใจมากๆ ซึ่งหนูเลือกเขียนเรียงความในหัวข้อบ้านรักษ์สิ่งแวดล้อม เนื่อง จากต้องการเล่าเรื่องราว และสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่รอบๆบ้าน ให้เพื่อนๆได้รับรู้ว่า บ้านของหนูไม่มีมลพิษ ไม่มีน้ำเสีย มีแต่สระน้ำขนาดใหญ่ และต้นไม้เป็นจำนวนมาก ซึ่งหนูกำลังจะบอกกับทุกคนว่า หากเราช่วยกันปลูกต้นไม้ ยิ่งปลูก มากเท่าไหร่บ้านเราก็จะมีธรรมชาติที่สวยงามเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น”

 

ด้านน้องอภิญญาภรณ์ อุ่นครบุรี เจ้าของรางวัลชนะเลิศระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนบ้านใหญ่ พิทยาคม จังหวัดนครราชสีมา เล่าให้ฟังว่า “หนูเขียนหัวข้อล้านความรู้ในตู้หนังสือ เพราะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว โดย เปรียบเทียบให้เห็นถึงตู้หนังสือที่ไม่ได้รับการใส่ใจ ถูกปล่อยให้ฝุ่นและหยักใย่เกาะเต็มไปหมด ซึ่งบางบ้านเอาตู้ หนังสือมาวางไว้เพื่อประดับบ้านเท่านั้น โดยหนูอยากจะบอกว่าถ้าเรายิ่งเปิดตู้หนังสือบ่อยเท่าไหร่เราก็จะมีความรู้ เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และจะเป็นพื้นฐานที่ดีที่จะติดตัวเราไปตลอด และหนูอยากจะชวนเพื่อนทุกคนให้หันมาอ่านหนัง สือกันเยอะๆคะ เพราะความรู้ที่เราได้จากหนังสือไม่สามารถใช้เงินซื้อได้คะ แต่เราหาได้จากการอ่านจริงๆคะ” ขณะที่น้องพีรญา รินสาร นักเรียนชั้นม.3 โรงเรียนท่าปลาประชาอุทิศ จ.อุตรดิตถ์ เล่าว่าได้เขียนเรียงความประกวด ในหัวข้อล้านความรู้ในตู้หนังสือเพราะเป็นเรื่องที่น่าสนใจและถนัด โดยเนื้อหาในเรียงความจะเน้นประโยชน์ของ หนังสือ และความรู้สึกที่มีต่อหนังสือว่าเป็นเสมือนผู้ให้ความรู้ ถ้าเรารู้จักสนใจ รู้จักศึกษาเราก็จะได้รับความรู้จาก หนังสือมากมาย และการได้รับรางวัลในครั้งนี้ก็มีความรู้สึกดีใจภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนของโรงเรียน และมั่นใจว่าราง วัลตู้หนังสือที่ได้มาในครั้งนี้จะช่วยเป็นสื่อกลางในการพัฒนาความรู้ให้กับเพื่อนๆคนอื่นๆที่เข้ามาอ่านหนังสือใน ห้องสมุดต่อไป น้องธัญลักษณ์ เอกจิตร นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.จันทบุรี เล่าว่ารู้สึกดีใจมากที่ได้ รับรางวัลไม่คาดคิดว่าตนเองจะได้ สำหรับรางวัลที่ได้รับครั้งนี้เชื่อว่าจะสามารถ ช่วยกระจายความรู้ออกไปให้กับ เพื่อนๆในโรงเรียนได้ศึกษาเพราะตู้หนังสือที่ได้มาประกอบไปด้วยหนังสือมากมายหลายเล่ม และเชื่อว่าการอ่านหนัง สือช่วยพัฒนาสมองพัฒนาความรู้ไปเรื่อยๆเพราะว่าคนเราต้องค้นคว้าศึกษาความรู้ไปเรื่อยๆ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ สำคัญมาก ติดตัวเราไปจนตาย

 

 

ปิดท้ายด้วยน้องณัฐวุฒิ นาคแก้ว นักเรียนชั้นม.4 โรงเรียนทวีธาภิเศก กทม. เล่าว่าตนได้เขียนเรียงความ เรื่องล้านความรู้ในตู้หนังสือ โดยที่เลือกเขียนเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว ถนัดและน่าสนใจ และมั่นใจว่ารางวัลที่ ได้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งยวดต่อไปให้กับโรงเรียน เพื่อนๆ ในการสานต่อความรู้จากการได้อ่านหนังหนังสือ เพราะการอ่านหนังสือจะก่อให้เกิดประโยชน์ในทุกๆด้านทั้งด้านความรู้ การเรียน การดำเนินชีวิต ก็อยากเชิญชวน เพื่อนๆว่าการอ่านหนังสือมีประโยชน์ทำให้เรามีความรู้อยากให้อ่านหนังสือกันทุกคนการประกวดในครังนี้ไม่เพียง แต่น้องทั้ง 12 คน จะได้รับรางวัลเท่านั้น ยังมีเยาวชนอีก 90 คน ที่ได้รับรางวัลเช่นกัน โดยแบ่งเป็นรางวัลรองชนะ เลิศ 12 รางวัล จะได้รับโล่จากองคมนตรี พลอากาศเอกกำธน สินธวานนท์ พร้อมตู้หนังสือ นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับรางวัล ชมเชยอีก 84 รางวัล จะได้รับประกาศเกียรติคุณจากองคมนตรี พร้อมตู้หนังสืออีกด้วย

โครงการล้านความรู้ในตู้หนังสือ อีกกิจกรรมหนึ่งที่จะเป็นตัวกระตุ้นที่ดีที่จะส่งเสริมให้เยาวชนไทยรักการ อ่าน และการเขียนเพิ่มมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับน้องๆเยาวชนทั้ง 2,186 คนที่ส่งผลงานเข้าประกวดในครั้งนี้เสมือน เป็นการส่งมอบความรู้อันล้ำค่าผ่านหนังสือดี ๆ เพื่อเป็นของขวัญให้กับเยาวชนของไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์

Double A ร่วมสนับสนุนงาน World Expo 2020 Dubai ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลสู่สายตาทั่วโลก

ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมกิจกรรม “Thailand Pavilion Launch & Networking Reception” ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) งาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 มหกรรมงานระดับโลก ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 -31 มีนาคม 2565 ณ เมืองดูไบ เพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่น ส่งเสริม และสร้างโอกาสใหม่สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทยผ่านการลงทุน การค้า สู่สายตาประชาคมโลก โดยมี นายวราวุธ ภู่อภิญญา (คนกลาง) เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรม ณ โรงแรมดุสิตธานี ดูไบ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัว “กระดาษคราฟท์” พร้อมจำหน่าย รองรับตลาดอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “กระดาษคราฟท์” เพื่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ กำลังการผลิต 250,000 ตันต่อปี พร้อมทำการตลาดและจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้ 3,000 ล้านบาทต่อปี นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดเผยว่า ความต้องการกระดาษคราฟท์ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกมีประมาณ 164 ล้านตันต่อปี และยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเฉลี่ยประมาณปีละ 2.5 % โดยตลาดในแถบเอเชียแปซิฟิค ถือเป็นตลาดที่มีความต้องการบริโภคกระดาษคราฟท์มากที่สุดในโลก หรือเกือบครึ่งหนึ่งของโลก และเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิคที่ไม่รวมประเทศจีน ก็มีความต้องการมากถึง 30 ล้านตันต่อปี และมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ 4 % ต่อปี ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดกระดาษคราฟท์มาตั้งแต่ปี 2562 โดยมีการลงทุนสร้างโรงเยื่อ RECYCLE PULP (RCP) แห่งใหม่ขึ้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ด้วยงบลงทุน 1,000 ล้านบาท มีการเดินเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว และได้ปรับกระบวนการผลิตของโรงกระดาษที่ตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงโรงกระดาษ 1 ที่จังหวัดปราจีนบุรี มาผลิตกระดาษคราฟท์ กำลังการผลิตอยู่ที่ 250,000 ตันต่อปี และมีผลิตภัณฑ์แรกที่พร้อมจำหน่ายแล้ว คือ กระดาษคราฟท์เพื่อทำลอนกล่องลูกฟูก CORRUGATED MEDIUM (CM) สำหรับการทำตลาดกระดาษคราฟท์นั้น ดั๊บเบิ้ล เอ วางแผนทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มจากประเทศในแถบเอเชียก่อน โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการที่ดั๊บเบิ้ล เอ มีเครือข่ายการตลาดทั่วโลก นอกจากนี้ กำลังการผลิตส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานกล่องกระดาษของดั๊บเบิ้ล เอ ด้วย เพื่อทดแทนการใช้วัตถุดิบจากภายนอก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับดั๊บเบิ้ล เอ ได้ไม่น้อยกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท และช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของดั๊บเบิ้ล เอ มากขึ้น เนื่องจากตลาดกระดาษเพื่อบรรจุภัณฑ์ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น ปัจจุบัน ดั๊บเบิ้ล เอ มีผลิตภัณฑ์หลัก คือ เยื่อกระดาษใยสั้น กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษสำนักงาน และผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มกระดาษ รวมทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนกลุ่มทั่วไป ได้แก่ ปากกา ปากกาเน้นข้อความ ปากกาลบคำผิด เครื่องเย็บกระดาษ กระเป๋าผ้า ซึ่งมีการจำหน่ายในทุกช่องทาง รวมทั้งช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ delivery.doubleapaper.com ซึ่งบริการเดลิเวอรี่ส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานในยุค New Normal สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียดของผลิตภัณฑ์กระดาษคราฟท์ สามารถสอบถามและสั่งซื้อได้ที่โทร.085 835 3794 (สำหรับลูกค้าในประเทศ) และโทร.085 835 4098 (สำหรับลูกค้าต่างประเทศ)

ดั๊บเบิ้ล เอ สร้างปรากฏการณ์สุดเจ๋งใน MV วง OK GO ตอกย้ำกระดาษคุณภาพที่ผู้ใช้ทั่วโลกไว้วางใจ

ปรากฏการณ์ใหม่ระดับโลกเมื่อดั๊บเบิ้ล เอจับมือกับศิลปินวง OK GO วงดนตรีสุดครีเอท แนวอัลเทอร์เนทีฟร็อก จากสหรัฐอเมริกา ที่มีผลงานเพลงและมิวสิค วิดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางสร้างเซอร์ไพร์สให้กับแฟนเพลงทั่วโลกอีกครั้ง ในมิวสิควิดีโอเพลง Obsession ด้วยเทคนิค Paper Mapping เป็นครั้งแรกของโลก โชว์คุณภาพดั๊บเบิ้ล เอ ที่ส่งออกไปแล้วกว่า 130 ประเทศ โดยศิลปิน OK GO ได้สัมผัสถึงความเรียบลื่นและคุณสมบัติเด่นของกระดาษดั๊บเบิ้ล เอที่ สามารถพรินต์ออกมาโดยไร้อุปสรรคใดๆ จนเกิดแรงบันดาลใจ“OBSESSION for Smoothness” ในการนำมาสร้างสรรค์ฉากอลังการที่น่าตื่นตาตื่นใจในมิวสิควิดีโอชุดนี้ ซึ่งดั๊บเบิ้ล เอ เห็นถึงความเป็นสากลของดนตรีและความคิดสร้างสรรค์ของวง OK GO ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ๆ สื่อสารภาพลักษณ์ ที่เฟรชขึ้น สนุกขึ้น แต่ยังคงหนักแน่นในเรื่องคุณภาพสินค้าที่ทุกคนไว้วางใจ

ดั๊บเบิ้ล เอ ส่งความห่วงใย มอบหน้ากากอนามัยฯ สู่ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา

ดั๊บเบิ้ล เอ ห่วงใยสุขอนามัยของทหารชายแดนไทย-กัมพูชา มอบหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ Double A Care รุ่น 3D V-SHAPE Smart FIT สีดำ จำนวน 20,000 ชิ้น ให้แก่ มณฑลทหารบกที่ 25 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน ต.นอกเมือง อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ โดยหน้ากากอนามัยฯ นี้สามารถกรองเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ 99.9% ใส่สบาย หายใจสะดวก เพื่อสุขอนามัยที่ดี พร้อมส่งกำลังใจให้ทหาร และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของประเทศชาติและประชาชนคนไทยทุกคน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาดั๊บเบิ้ล เอ ยังได้มอบผลิตภัณฑ์ Double A Care ที่มีความต้องการ อาทิ เพียว & พรีเมียม ทิชชู, ทิชชูเปียก Pure Water และ หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ให้แก่ศูนย์อพยพต่างๆ รวมถึงมอบอุปกรณ์เครื่องเขียน ให้แก่ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อเด็กที่ได้รับผลกระทบ ใน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นพลังบวกให้คนไทยก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน

ดั๊บเบิ้ล เอ ส่งต่อพลังบวก “Double A Fit for Kids ครั้งที่ 3” มอบอุปกรณ์การเรียน 3,000 ชุด ให้เด็กๆที่ขาดแคลน

    นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นผู้แทนมอบชุดอุปกรณ์การเรียน จำนวน 3,000 ชุด ภายใต้โครงการ “Double A Fit for Kids ครั้งที่ 3” ผ่านมูลนิธิซี.ซี.เอฟ.เพื่อเด็กและเยาวชนฯ โดยมี ดร.สุรีวัลย์ ลิ้มพิพัฒนกุลที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงาน มูลนิธิซี.ซี.เอฟ.เพื่อเด็กและเยาวชนฯ ให้เกียรติเป็นผู้แทนรับมอบ เพื่อนำไปจัดสรรและกระจายยังโรงเรียนต่างๆที่ขาดแคลน สำหรับโครงการ “Double A Fit for Kids ครั้งที่ 3” จัดขึ้น โดยมุ่งหวังสร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนหันมาใส่ใจสุขภาพพร้อมสร้างสรรค์สังคมที่ดี ด้วยการจัดกิจกรรมเดิน–วิ่งสะสมจำนวนก้าวร่วมกันแบบ Virtual พิชิตภารกิจเป้าหมาย “9 วัน 9 ล้านก้าว” เพื่อร่วมส่งมอบชุดอุปกรณ์เครื่องเขียน อาทิ สมุดนักเรียน สมุดรายงาน ปากกา เป็นต้น พร้อมกระเป๋าสะพาย ให้กับน้องๆ ได้เข้าถึงอุปกรณ์การเรียนที่เพียงพอและมีคุณภาพ กิจกรรมนี้ ไม่เพียงส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมพลังน้ำใจจากผู้ร่วมกิจกรรม ที่มีเป้าหมายสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชน ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป

ดั๊บเบิ้ล เอ มอบขวดพลาสติกอัพไซเคิล โครงการ “แยกเพื่อให้...พี่ไม้กวาด” ของสำนักสิ่งแวดล้อม กทม.

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นตัวแทนมอบขวดน้ำพลาสติกใส จำนวน 27 กิโลกรัม จากกิจกรรมที่ดั๊บเบิ้ล เอ รณรงค์ให้พนักงานตระหนักถึงความสำคัญของการแยกขยะ ซึ่งสามารถนำมาอัพไซเคิล (upcycle) ให้เกิดประโยชน์ ผ่านโครงการมือวิเศษ กรุงเทพ “แยกเพื่อให้...พี่ไม้กวาด” เพื่อนำไปผลิตเป็นเสื้อกั๊กสะท้อนแสง สำหรับบุคลากรผู้ปฏิบัติงานด้านการรักษาความสะอาดของกรุงเทพฯ เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน โดยมี นางสาวลลิดา กังวาลชิรธาดา ผู้อำนวยการส่วนบริการจัดการมูลฝอย สำนักงานยุทธศาสตร์จัดการมูลฝอย สำนักสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับมอบ ณ จุดรับขยะแยกประเภท (Drop off Point) ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกแล้ว ยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุเหลือใช้ ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของดั๊บเบิ้ล เอ ในการส่งเสริมแนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) รวมถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ยั่งยืน

ดั๊บเบิ้ล เอ ต้อนรับ กทพ. โชว์ศักยภาพการผลิตมาตรฐานคุณภาพ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืน

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับคณะทำงาน ผู้ตรวจประเมิน และเจ้าหน้าที่ระบบบริหารงานคุณภาพด้านบริการ ISO 9001: 2015 จากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) นำโดย คุณศิริมา ชวนอยู่ รองผู้ว่าการ(บริหาร)กทพ.พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมชมโรงงานดั๊บเบิ้ล เอ จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อเข้าใจถึงกระบวนการผลิตเยื่อและกระดาษครบวงจรภายใต้ระบบบริหารคุณภาพมาตรฐานสากล ISO 9001:2015 และมาตรฐาน ISO 14001 ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ทำให้แบรนด์ดั๊บเบิ้ล เอ ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศ และส่งออกไปกว่า 130 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ คณะผู้เยี่ยมชมยังได้เรียนรู้โมเดลการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าในระบบหมุนเวียน (Circular Economy) และแนวทางการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG (Environment, Social, Governance) ที่ดั๊บเบิ้ล เอ ยึดถือมาโดยตลอด เพื่อสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมของชุมชน และธรรมาภิบาลที่โปร่งใส การเยี่ยมชมในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่ดั๊บเบิ้ล เอ ได้แสดงถึงศักยภาพ ความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง และการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพให้กับผู้บริโภคและสังคม

ดั๊บเบิ้ล เอ ส่งใจ ส่งความห่วงใย สนับสนุนหน่วยแพทย์พระราชทาน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ มอบหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ Double A Care เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขของหน่วยแพทย์พระราชทาน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์เครื่องเขียนดั๊บเบิ้ล เอ อาทิ สมุด ดินสอ ปากกา เป็นต้น ให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ที่ยังขาดแคลน โดยมี นางวาสนา เทียมสุวรรณ ที่ปรึกษาโครงการตามพระดำริและงานส่วนพระองค์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ให้เกียรติเป็นผู้แทนรับมอบ ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ เล็งเห็นความสำคัญด้านสุขภาพอนามัยของคนไทยและการศึกษาของเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ “Double A ส่งใจ มอบความห่วงใย ทั่วไทย” ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 โดยมอบหน้ากากอนามัยฯ Double A Care แก่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย กลุ่มเปราะบาง และผู้ที่ขาดแคลน รวมถึงการมอบอุปกรณ์เครื่องเขียนเพื่อส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชน และในปี 2568 นี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ยังคงเดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์ในการส่งต่อความห่วงใยและพลังบวกสู่สังคมไทย ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน

ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมใจบริจาคโลหิต ครั้งที่ 113

    ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมกับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดปราจีนบุรี จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตครั้งที่ 113 ณ สำนักงานใหญ่ Double A จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ ร่วมบริจาคโลหิตเป็นปริมาณรวมกว่า 52,000 ซีซี พร้อมยังมีผู้แสดงความจำนงบริจาคดวงตา อวัยวะ และร่างกายเพื่อการกุศลอีกด้วย ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และนางสาวจุฑามาศ บัวเผื่อนนายอำเภอศรีมหาโพธิ ร่วมมอบของที่ระลึกและให้กำลังใจกับผู้บริจาคโลหิต นอกจากนี้ ในส่วนของสำนักงาน Double A สาขาฉะเชิงเทรา ยังได้ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี จัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิตจากพนักงานและประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งได้รับจำนวนโลหิตรวมกว่า 23,500 ซีซี     ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องทุก 3 เดือน โดยตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 จนถึงปัจจุบัน มียอดรวมโลหิตแล้วทั้งสิ้น 159,000 ซีซี เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย และเป็นการสำรองโลหิตให้กับสภากาชาดให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วยในสถานพยาบาลต่างๆ นับเป็นส่วนหนึ่งของการทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน สร้างสังคมที่ดีอย่างยั่งยืน