Follow us

ดั๊บเบิ้ล เอ ชวนคนทำงานใส่ใจสุขภาพกับเวิร์คช็อป บำบัดอาการ ออฟฟิศซินโดรม

ใครว่าทำงานออฟฟิศปลอดภัยไม่มีโรค ด้วยสภาวะตึงเครียดของสังคมในปัจจุบัน ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและจิตใจ ทำให้โรคออฟฟิศซินโดรม เป็นอีกหนึ่งโรคยอดฮิตที่คุกคามคนวัยทำงาน ซึ่งโรคนี้จะเข้ามาคุกคามอย่างเงียบๆ กว่าคนทำงานจะรู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ต่อเมื่อกลายเป็นออฟฟิศซินโดรมเรื้อรัง จนอาจถึงขั้นเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้

 

        ด้วยเหตุนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ จึงจัดเวิร์คช็อป บำบัดอาการ ออฟฟิศซินโดรม ขึ้นที่เมืองหนังสือ ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ เพื่อให้ความรู้คนทำงานถึงอันตรายของโรคนี้ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้คนทำงานมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และให้กำลังใจกันและกันให้ห่างไกลจากโรค โดยได้รับเกียรติจากคุณเล็ก ฉัตริษา ศรีสานติวงศ์ อดีตพิธีกรรายการบ้านเลขที่ 5 และผู้เขียนหนังสือออฟฟิศซินโดรม กลเม็ดเด็ด พิชิตโรควัยทำงาน มาเป็นวิทยากร

 

 

สาวออฟฟิศทั้งหลาย ใครนั่งท่านี้โปรดระวัง กระดูกสันหลังจะคด

 

        คุณเล็ก วิทยากรหน้าสวยของเรา กล่าวว่า "คนเรามักจะละเลยสัญญานอันตรายที่ร่างกายส่งออกมา เช่น อาการปวดเมื่อยตามอวัยวะต่างๆ และใช้ชีวิตรูปแบบเดิมต่อไป โดยไม่ได้สนใจสุขภาพ ซึ่งจริงๆ แล้วโรคนี้อันตรายมาก สามารถทำให้เราเสียประสาทการรับรู้ความรู้สึกได้เลยทีเดียว"

 

 

หนึ่งในคนทำงานที่เริ่มมีอาการออฟฟิศซินโดรม

 

        แต่ก่อนที่จะเข้าใจความเป็นไปของโรค ทุกคนจะต้องเข้าใจถึงลักษณะสรีระร่างกายมนุษย์ก่อน โดยคุณเล็กอธิบายง่ายๆ ว่า "ร่างกายมนุษย์ทุกคนนั้น ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็มีโครงสร้างเหมือนกัน นั่นคือ มีโครงกระดูก หรือจะเปรียบเทียบเป็นเหล็กเส้นในอาคารก็ได้ เป็นเสาหลักรับน้ำหนักทั้งหมดของร่างกาย และมีกล้ามเนื้อ ซึ่งเปรียบได้กับ ปูน หรือคอนกรีต ห่อหุ้มอีกทีหนึ่ง และสองอย่างนี้ก็ช่วยห่อหุ้มระบบประสาทของร่างกายเรา ทั้งนี้ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ทุกคนต่างมีกล้ามเนื้อ, โครงกระดูก และเส้นประสาท ในจำนวนที่เท่ากันและอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน"

 

 

คุณเล็กนำโครงกระดูกขนาดเท่าของจริงมาสาธิต

 

        หลังจากนั้นคุณเล็ก ได้อธิบายโครงสร้างกระดูกด้วยแบบจำลองตามขนาดจริงของมนุษย์ ว่าข้อต่อกระดูกคนเราแบ่งได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือ กระดูกส่วนคอ, ส่วนอก, ส่วนเอว หรือหลังช่วงล่าง, และส่วนสะโพก ซึ่งโรคออฟฟิศซินโดรมนี้ จะเกิดกับกระดูก 2 บริเวณคือ คอและเอว โดยถ้าเราเข้าใจโครงสร้างกระดูกจะทำให้เราสามารถคุยกับแพทย์รู้เรื่องมากยิ่งขึ้น และหาทางรักษาได้ตรงจุด เพราะคุณเล็กเองก็เคยประสบปัญหาคุยกับแพทย์ไม่รู้เรื่องมาก่อน

 

        "เวลาไปพบแพทย์แล้วดูฟิล์มเอ็กซเรย์ จะมีตัวย่อของข้อต่อกระดูก 4 ส่วนนี้ ซึ่งตอนที่ไปพบหมอ ทุกคนจะประสบปัญหาเดียวกันคืองง และนึกภาพไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเรา ดังนั้นการเข้าใจส่วนต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เรารู้ว่า อาการชาตามนิ้วมือนิ้วเท้านั้น เกิดจากกระดูกส่วนคอมีปัญหา ทำให้เราเอ็กซเรย์เฉพาะบริเวณนี้ เป็นต้น" คุณเล็ก ฉัตริษา กล่าว

 

 

ท่าออกกำลังกายข้อมือ กันนิ้วล็อค

 

 

ผู้ร่วมงานต่างร่วมกันกายบริหาร

 

        โรคออฟฟิศซินโดรมจะเกิดกับคนทำงานมาก เนื่องจากคนทำงานจะนั่งอยู่ในท่าเดิมนานๆ โดยไม่ได้ลุกไปไหน ทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนผิดรูป และรับน้ำหนัก ไม่ถูกจุด เมื่อนั่งผิดท่านานๆ จะทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังแตก และน้ำในหมอนรองจะออกมาทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการปวด หรือชาตามร่างกาย

 

 

หนึ่งในท่ากายบริหาร ยืดเหยียด เอียง บิด

 

        การรักษาโรคนี้จึงขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการเดิน นั่ง ยืน นอน ทุกอย่างล้วนส่งผลกระทบต่อร่างกายทั้งนั้น เพราะโครงกระดูกเป็นส่วนที่รับน้ำหนักร่างกายทั้งหมด ผู้ที่เคยมีอาการ หมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาท และเคยเข้ารับการผ่าตัดมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็สามารถกลับมาเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมได้อีกครั้ง ถ้าไม่ได้พักฟื้นเพียงพอและเปลี่ยนการใช้ชีวิตใหม่

 

เล็ก ฉัตริษา ได้แนะนำคนทำงานให้ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ดังนี้

 

        - ตั้งเวลาปลุกให้เร็วขึ้น 5 นาที เมื่อตื่นนอนแล้ว ควรยืดตัวบิดขี้เกียจก่อนลุกไปอาบน้ำ เพื่อให้เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อคลายตัว หลังจากน้ำหนักกดทับมาทั้งคืน

 

        - หลังจากนั้น ก่อนอาบน้ำ ให้ออกกำลังกายเบาๆ สะบัดมือสะบัดเท้า เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อไม่ให้หดตัวเกร็งเมื่อเจอน้ำ เพราะถ้ากล้ามเนื้อหดเกร็งบ่อยๆเข้า จะสะสมความเครียด และเป็นตะคริวได้ง่าย การออกกำลังกายท่านี้ สามารถทำได้ง่ายๆ คือ ยืนกางขา ยื่นมือมาข้างหน้า พร้อมสะบัดๆ มือ ซึ่งท่านี้จะสนุกขึ้น ถ้าสะบัดมือไปพร้อมกันกับการบิดสะโพก

 

        - เมื่อร่างกายพร้อมต่อการทำงานวันใหม่แล้ว จิตใจก็ต้องพร้อมด้วย โดยคุณเล็กแนะนำให้ทุกคนคิดว่า ‘คอยดูสิ วันนี้ฉันจะทำให้ได้’ เมื่อไปถึงที่ทำงาน เพื่อสร้างความมั่นใจและ ทำงานวันใหม่ได้สำเร็จ เป็นไปตามแผนที่วางไว้

 

        - เมื่อทำงาน ก็ห้ามนั่งทำงานเกิน 1 ชม. ถ้าครบเวลา ให้ลุกขึ้นยืดเหยียดเอียงบิด ซึ่งทำได้ง่ายๆ เช่น เอามือซ้ายจับด้านหลังพนักเก้าอี้ มือขวาเอื้อมไปจับราววางแขนด้านซ้าย ช้าๆ และทำสลับกัน เป็นต้น หรือท่ายืนตัวตรง
ยื่นแขนขึ้นไปพนมมือด้านบนศีรษะ ให้แขนตึง และดึงแขนมาหลังใบหู เพื่อให้เหยียดตึงมากขึ้น ซึ่งท่านี้จะช่วยจัดกระดูกสันหลังให้ตรง หลังจากนั่งคดทำงานมาเป็นเวลานาน

 

        - นอกจากนี้ ควรเอาหมอนรองหลัง และก้นกบไว้ เพื่อรองรับน้ำหนัก การนั่งท่าเดิมนานๆ จะทำให้เกิดพังผืด และส่งผลให้เคลื่อนไหวผิดปกติ

 

        - อย่านั่งทำงานคลิกแต่เมาส์ โดยไม่ได้บริหารนิ้วและข้อมือ เพราะถ้าเกิดอาการนิ้วล็อคขึ้นมาแล้วนั้น ไม่สามารถบำบัดได้ นอกจากเข้ารับการผ่าตัด

 

        - อย่าเครียด และควรสังเกตอาการปวดหัวของตนเอง ว่าปวดในลักษณะไหน เพื่อรักษาได้ทันท่วงที

 

        - ควรจัดบรรยากาศออฟฟิศให้เหมาะสม เพราะการมองเห็นมีผลต่อความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นความสว่าง, อากาศ, และควรมีต้นไม้จริงประดับ ให้ความสดชื่น มีชีวิตชีวา พร้อมที่จะลุยกับงานต่อไป

 

        การทำงานทุกวันนอกจากจะเป็นการสะสมความเครียดในตนเองแล้ว ยังมีความเครียดจากสิ่งเร้าที่ก่อตัวขึ้นจากปัจจัยต่างๆในการดำเนินชีวิต ทำให้คนวัยทำงานเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมกันง่ายขึ้น เราจึงควรปรับเปลี่ยนตนเองใหม่ รู้จักยืดเส้นยืดสายกายบริหาร เพื่อความเป็นสุขของตัวเราเอง แล้วการทำงานจะมีความสุขมากขึ้น ถ้าร่างกายสบาย จิตใจก็มีความสุข

 

สำหรับผู้ที่สนใจห่วงใยสุขภาพ ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ เมืองหนังสือของคนไทยบนถนนสาทร 12 ก็มีหนังสือแนวสุขภาพมากมายให้เลือกซื้อเลือกอ่านกันได้ หรือคลิกดูรายละเอียดได้ที่ www.doubleabooktower.com

ข่าวประชาสัมพันธ์

แคมเปญ 1Dream1Tree

ดั๊บเบิ้ล เอ มีการดำเนินธุรกิจภายใต้โมเดล “กระดาษจากคันนา” เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมการใช้พื้นที่ว่างเปล่าบนคันนา ซึ่งช่วยให้ชาวนามีรายได้เสริมและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้นได้ส่งผลกระทบที่หลายๆประเทศต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง น้ำท่วม หมอกควันจากไฟป่า ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากฝีมือมนุษย์ที่ทำลายสิ่งแวดล้อม ดั๊บเบิ้ลเอ จึงอยากรณรงค์ให้ผู้บริโภคตระหนักถึงพลังของผู้บริโภคที่จะดูแลใส่ใจสิ่งแวดล้อม สิ่งหนึ่งที่สามารถทำได้ คือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำลายป่า ไม่ตัดไม้จากป่า อันเป็นต้นเหตุสำคัญของปัญหาภัยธรรมชาติ จึงเป็นที่มาของแคมเปญ “Double A One Dream One Tree” เพื่อปลุกกระแสรักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้ประชาชนทุกคนตระหนักว่าปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกคนต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ดั๊บเบิ้ล เอ ส่งความห่วงใย มอบหน้ากากอนามัยฯ สู่ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา

ดั๊บเบิ้ล เอ ห่วงใยสุขอนามัยของทหารชายแดนไทย-กัมพูชา มอบหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ Double A Care รุ่น 3D V-SHAPE Smart FIT สีดำ จำนวน 20,000 ชิ้น ให้แก่ มณฑลทหารบกที่ 25 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน ต.นอกเมือง อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ โดยหน้ากากอนามัยฯ นี้สามารถกรองเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ 99.9% ใส่สบาย หายใจสะดวก เพื่อสุขอนามัยที่ดี พร้อมส่งกำลังใจให้ทหาร และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของประเทศชาติและประชาชนคนไทยทุกคน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาดั๊บเบิ้ล เอ ยังได้มอบผลิตภัณฑ์ Double A Care ที่มีความต้องการ อาทิ เพียว & พรีเมียม ทิชชู, ทิชชูเปียก Pure Water และ หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ให้แก่ศูนย์อพยพต่างๆ รวมถึงมอบอุปกรณ์เครื่องเขียน ให้แก่ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อเด็กที่ได้รับผลกระทบ ใน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นพลังบวกให้คนไทยก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน

ดั๊บเบิ้ล เอ ส่งต่อพลังบวก “Double A Fit for Kids ครั้งที่ 3” มอบอุปกรณ์การเรียน 3,000 ชุด ให้เด็กๆที่ขาดแคลน

    นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นผู้แทนมอบชุดอุปกรณ์การเรียน จำนวน 3,000 ชุด ภายใต้โครงการ “Double A Fit for Kids ครั้งที่ 3” ผ่านมูลนิธิซี.ซี.เอฟ.เพื่อเด็กและเยาวชนฯ โดยมี ดร.สุรีวัลย์ ลิ้มพิพัฒนกุลที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงาน มูลนิธิซี.ซี.เอฟ.เพื่อเด็กและเยาวชนฯ ให้เกียรติเป็นผู้แทนรับมอบ เพื่อนำไปจัดสรรและกระจายยังโรงเรียนต่างๆที่ขาดแคลน สำหรับโครงการ “Double A Fit for Kids ครั้งที่ 3” จัดขึ้น โดยมุ่งหวังสร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนหันมาใส่ใจสุขภาพพร้อมสร้างสรรค์สังคมที่ดี ด้วยการจัดกิจกรรมเดิน–วิ่งสะสมจำนวนก้าวร่วมกันแบบ Virtual พิชิตภารกิจเป้าหมาย “9 วัน 9 ล้านก้าว” เพื่อร่วมส่งมอบชุดอุปกรณ์เครื่องเขียน อาทิ สมุดนักเรียน สมุดรายงาน ปากกา เป็นต้น พร้อมกระเป๋าสะพาย ให้กับน้องๆ ได้เข้าถึงอุปกรณ์การเรียนที่เพียงพอและมีคุณภาพ กิจกรรมนี้ ไม่เพียงส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมพลังน้ำใจจากผู้ร่วมกิจกรรม ที่มีเป้าหมายสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชน ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป

ดั๊บเบิ้ล เอ มอบขวดพลาสติกอัพไซเคิล โครงการ “แยกเพื่อให้...พี่ไม้กวาด” ของสำนักสิ่งแวดล้อม กทม.

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นตัวแทนมอบขวดน้ำพลาสติกใส จำนวน 27 กิโลกรัม จากกิจกรรมที่ดั๊บเบิ้ล เอ รณรงค์ให้พนักงานตระหนักถึงความสำคัญของการแยกขยะ ซึ่งสามารถนำมาอัพไซเคิล (upcycle) ให้เกิดประโยชน์ ผ่านโครงการมือวิเศษ กรุงเทพ “แยกเพื่อให้...พี่ไม้กวาด” เพื่อนำไปผลิตเป็นเสื้อกั๊กสะท้อนแสง สำหรับบุคลากรผู้ปฏิบัติงานด้านการรักษาความสะอาดของกรุงเทพฯ เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน โดยมี นางสาวลลิดา กังวาลชิรธาดา ผู้อำนวยการส่วนบริการจัดการมูลฝอย สำนักงานยุทธศาสตร์จัดการมูลฝอย สำนักสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับมอบ ณ จุดรับขยะแยกประเภท (Drop off Point) ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกแล้ว ยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุเหลือใช้ ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของดั๊บเบิ้ล เอ ในการส่งเสริมแนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) รวมถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ยั่งยืน

ดั๊บเบิ้ล เอ ต้อนรับ กทพ. โชว์ศักยภาพการผลิตมาตรฐานคุณภาพ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืน

ดั๊บเบิ้ล เอ เปิดบ้านต้อนรับคณะทำงาน ผู้ตรวจประเมิน และเจ้าหน้าที่ระบบบริหารงานคุณภาพด้านบริการ ISO 9001: 2015 จากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) นำโดย คุณศิริมา ชวนอยู่ รองผู้ว่าการ(บริหาร)กทพ.พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมชมโรงงานดั๊บเบิ้ล เอ จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อเข้าใจถึงกระบวนการผลิตเยื่อและกระดาษครบวงจรภายใต้ระบบบริหารคุณภาพมาตรฐานสากล ISO 9001:2015 และมาตรฐาน ISO 14001 ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ทำให้แบรนด์ดั๊บเบิ้ล เอ ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศ และส่งออกไปกว่า 130 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ คณะผู้เยี่ยมชมยังได้เรียนรู้โมเดลการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าในระบบหมุนเวียน (Circular Economy) และแนวทางการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG (Environment, Social, Governance) ที่ดั๊บเบิ้ล เอ ยึดถือมาโดยตลอด เพื่อสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมของชุมชน และธรรมาภิบาลที่โปร่งใส การเยี่ยมชมในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่ดั๊บเบิ้ล เอ ได้แสดงถึงศักยภาพ ความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง และการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพให้กับผู้บริโภคและสังคม

ดั๊บเบิ้ล เอ ส่งใจ ส่งความห่วงใย สนับสนุนหน่วยแพทย์พระราชทาน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์

นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดั๊บเบิ้ล เอ มอบหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ Double A Care เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขของหน่วยแพทย์พระราชทาน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์เครื่องเขียนดั๊บเบิ้ล เอ อาทิ สมุด ดินสอ ปากกา เป็นต้น ให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ที่ยังขาดแคลน โดยมี นางวาสนา เทียมสุวรรณ ที่ปรึกษาโครงการตามพระดำริและงานส่วนพระองค์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ให้เกียรติเป็นผู้แทนรับมอบ ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ เล็งเห็นความสำคัญด้านสุขภาพอนามัยของคนไทยและการศึกษาของเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ “Double A ส่งใจ มอบความห่วงใย ทั่วไทย” ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 โดยมอบหน้ากากอนามัยฯ Double A Care แก่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย กลุ่มเปราะบาง และผู้ที่ขาดแคลน รวมถึงการมอบอุปกรณ์เครื่องเขียนเพื่อส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชน และในปี 2568 นี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ยังคงเดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์ในการส่งต่อความห่วงใยและพลังบวกสู่สังคมไทย ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน

ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมใจบริจาคโลหิต ครั้งที่ 113

    ดั๊บเบิ้ล เอ ร่วมกับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดปราจีนบุรี จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตครั้งที่ 113 ณ สำนักงานใหญ่ Double A จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ ร่วมบริจาคโลหิตเป็นปริมาณรวมกว่า 52,000 ซีซี พร้อมยังมีผู้แสดงความจำนงบริจาคดวงตา อวัยวะ และร่างกายเพื่อการกุศลอีกด้วย ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และนางสาวจุฑามาศ บัวเผื่อนนายอำเภอศรีมหาโพธิ ร่วมมอบของที่ระลึกและให้กำลังใจกับผู้บริจาคโลหิต นอกจากนี้ ในส่วนของสำนักงาน Double A สาขาฉะเชิงเทรา ยังได้ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี จัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิตจากพนักงานและประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งได้รับจำนวนโลหิตรวมกว่า 23,500 ซีซี     ทั้งนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องทุก 3 เดือน โดยตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 จนถึงปัจจุบัน มียอดรวมโลหิตแล้วทั้งสิ้น 159,000 ซีซี เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย และเป็นการสำรองโลหิตให้กับสภากาชาดให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วยในสถานพยาบาลต่างๆ นับเป็นส่วนหนึ่งของการทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน สร้างสังคมที่ดีอย่างยั่งยืน